เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มเส้นใยอาหาร ( Dietary supplement ) ให้กับร่างกาย คุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ซึ่งเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เพื่อเสริมสร้างสุขลักษณะที่ดีในการขับถ่าย
ควรรับประทานเมไฟเบอร์เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 อาทิตย์ อย่างน้อย 1 ซอง วันละครั้ง โดยผสมกับเครื่องดื่ม ร้อน เย็น หรืออาหารที่ชอบได้ตามต้องการ
ซึ่งเส้นใยอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นเส้นใยอาหารประเภทที่ละลายน้ำได้ เมื่อระบบขับถ่ายดี ช่วยในการลดเวลาที่ของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ จะส่งผลให้สุขภาพผิวดีและสดใสตามไปด้วย โดย เมไฟเบอร์ ผ่านกระบวนการผลิตที่มีความเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ได้มาตรฐานระดับสากล ผลิตและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ใยอาหารเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อการรักษาสุขภาพที่ดี การได้รับใยอาหารไม่พอเพียงส่งผลให้สภาวะลำไส้ใหญ่ไม่ดี แบคทีเรียไม่ดีสามารถเติบโตได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ได้แก่ ท้องผูก เบาหวานคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน การได้รับอินูลินควบคู่ไปกับมื้ออาหารในแต่ละวันจะช่วยส่งเสริมให้มีโภชนาการที่ดีและเพียงพอ
อินูลินเป็นเส้นใยอาหารที่พบได้ในอ้อย ชิโครี แก่นตะวัน กระเทียมและหอมหัวใหญ่ มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจึงเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ได้แก่ บิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria)
ชื่อทั่วไปคือ โอลิโกแซกคาไรด์ และ โพลีแซกคาไรด์ ซึ่งเป็นโมเลกุลของฟรุกโตสต่อพันธะกันเป็นสายยาวเชื่อมกันกับโมเลกุลของกลูโคส สายโมเลกุลยาวตั้งแต่ 3-60 โมเลกุล
มีผลช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ในเลือด และลดระดับคอเลสเตอรอล เพิ่มปริมาณ HDL และลดระดับปริมาณ LDL จึงมีการนำมาใช้กับอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและเป็นอาหารลดความอ้วนได้ สามารถรับประทานได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา
อินูลินเป็นใยอาหารที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี จึงช่วยเพิ่มความชื้นให้อุจจาระ และกระตุ้นให้การขับถ่ายเราเป็นปกติ การทานอินูลินต่อเนื่องกันจึงมีส่วนช่วยลดอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน และป้องกันโรคริดสีดวงทวารได้
การได้รับแคลเซียมที่ไม่เพียงพอมีผลทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน อินูลินมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมเนื่องจากอินูลินเป็นใยอาหารที่สามารถเกิดกระบวนการหมักได้ด้วยจุลินทรีย์ในลำไส้มนุษย์ให้เกิดเป็นกรดไขมันสายสั้นและกรดชนิดต่างๆ ทำให้เกิดสภาวะที่เป็นกรดในลำไส้ ลดค่าความเป็นกรดด่าง จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมแร่ธาตุได้ดียิ่งขึ้น
จากรายงานการบริโภคอินูลิน 8 – 20 กรัม นาน 4 สัปดาห์ช่วยควบคุมระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยกลไกการควบคุมจากการเกิดอะซิเตต (Acetate) และโพรพิโอเนต (Propionate) ที่สร้างขึ้นจากกระบวนการหมัก อินูลิน โอลิโกฟรุกโตส และฟรุกโตโอลิโกแซกคาไรด์ในลำไส้ พบว่าการบริโภคอินูลินปริมาณ 10 กรัม สามารถควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ ทั้งนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างไขมันจากตับ (Lipogenesis) ที่ลดลง
นอกจากนี้ อินูลินยังสามารถใช้แทนไขมันในอาหารไขมันต่ำได้ เช่น ในไอศกรีม ลูกอม เนื่องจากอินูลินจะช่วยให้อาหารมีความหนืด และมีสัมผัสเหมือนครีม
เนื่องจากอินูลินเป็นเส้นใยอาหารจากฟรุกโตส และเป็นน้ำตาลประเภทที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ดังนั้นจึงไม่เพิ่มน้ำตาลในกระแสเลือด เมื่อรับประทานอินูลินร่วมในอาหาร นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับอินูลินปริมาณ 8 กรัมเป็นประจำ จะมีระดับน้ำตาลหลังทานอาหารลดลง นอกจากนี้ อินูลินยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานได้อีกด้วย
อินูลินถือเป็นพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) เนื่องจากแบคทีเรียชนิดดีหรือโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ในลำไส้จะย่อยและใช้เป็นอาหาร การที่แบคทีเรียประจำถิ่นเจริญเติบโตได้ดี จะช่วยป้องกันแบคทีเรียก่อโรคชนิดอื่นๆ ไม่ให้มารุกรานร่างกายได้
อินูลินเป็นใยอาหารที่อุ้มน้ำได้ดีช่วยเพิ่มปริมาณของกากอาหาร กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ทำให้ขับถ่ายสะดวกขึ้น สามารถช่วยดูดซับและดึงสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดการหมักหมมของกากอาหารในลำไส้ การทานอินูลินต่อเนื่องกันจึงมีส่วนช่วยลดอาการท้องผูกช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ รวมถึงป้องกันโรคริดสีดวงทวารและโรคมะเร็งลำไส้ด้วย ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้ดี (ผลจากกระบวนการหมักในลำไส้เกิดเป็นกรดชนิดต่างๆ ได้แก่ กรดบิวทิริกและกรดโพรพิโอนิก สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้)
เมื่อร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้น้อยลง ปริมาณน้ำตาลที่เปลี่ยนเป็นไขมันและเก็บสะสมในร่างกายจึงน้อยลง นอกจากนี้การบริโภคอินูลินปริมาณ 8 – 20 กรัม ร่วมกับมื้ออาหารนั้น พบว่าช่วยให้รู้สึกอิ่มและควบคุมพลังงานที่ได้รับจากอาหารสู่ร่างกายได้ต่อวันได้ดี นอกจากนี้อินนูลินยังช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดและไขมันสะสมในเนื้อเยื่อ และยังช่วยลดคอลเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย
เป็นพอลิเมอร์ของกลูโคสที่ผลิตจากข้าวโพดหรือข้าวสาลี โดยโมเลกุลของกลูโคสในโพลีเด็กซ์โตรสเชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคซิดิค (Glycosidic linkage) หลายแบบ ร่างกายจึงไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ทั้งหมด โพลีเด็กซ์โตรสจัดเป็นใยอาหารประเภทที่ละลายน้ำได้ มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ให้พลังงานต่ำ นิยมใช้ในเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร และโพลีเด็กซ์โตรสจัดอยู่ในกลุ่มของ Functional food additive ที่ให้พลังงานต่ำ
คือ ใยอาหารที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อย จึงไม่ถูกดูดซึมได้ในระบบทางเดินอาหาร ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียบริเวณในลำไส้ใหญ่ โดยจะกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญของจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ (Probiotic) มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยเพิ่มปริมาณการขับถ่ายและลดระยะเวลาที่ของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งลำไส้
![]() |
1. ส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก และท้องเสีย เหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติของพรีไบโอติกส์ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณการขับถ่ายและลดเวลาที่ของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งลำไส้ |
![]() |
2. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์เพื่อสุขภาพในลำไส้ เพราะพรีไบโอติกส์จัดเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้โดยเฉพาะกลุ่ม แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรีย |
![]() |
3. เพิ่มความสามารถในการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด พรีไบโอติกส์จะถูกนำไปย่อยโดยแบคทีเรียในลำไส้โดยได้กรดไขมันชนิดสายสั้น (Short Chain Fatty Acid; SCFA) ซึ่งด้วยสภาวะความเป็นกรดจึงช่วยเสริมการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิดเช่น แคลเซียม แมกนีเซียมได้ดีขึ้น |
![]() |
4. กระตุ้นและส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยจะมีผลต่อการทำหน้าที่ของเซลล์ภูมิต้านทานในลำไส้ รวมถึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์เยื่อบุผิวในลำไส้ส่งผลให้มีความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี |